Wednesday, April 9, 2014

ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง

จากที่ผมสังเกตในตลาดนัดสุราษฎร์ธานี แทบจะทุกที่มีบรรยากาศที่ซบเซามากๆ ดูง่ายๆเลยครับ คนเดินจับจ่ายกันน้อย แถมพ่อค้าแม่ค้าบางคนก็หายหนาหายตาไปไหนก็ไม่รู้ แผงขายของก็โล่ง นี่แหละครับ ซบเซา 

และประกอบกับสุราษฎร์ธานีเริ่มมีฝนตกเสียด้วย นับได้ว่าเป็นสิ่งที่เป็นอุปสรรคสำคัญเลยครับ ฝนตกก็จบเกมส์...จะขายใครละทีนี้



ตอนนี้สมองกำลังประมวลผลว่าผมควรจะนำพาสายไหมที่ขายตามตลาดนัดต่างๆ ไปอยู่ในห้างด้วยเนื่องจากมองเห็นข้อดีต่างๆที่ชัดเจน คือ
1.) ไม่ต้องหวั่นไหวเรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ เพราะฝนตกฟ้าร้องก็ไม่มีผลอยู่แล้ว 
2.) สามารถยกระดับสินค้าของเราให้มีมูลค่าที่สูงขึ้นได้ ... ภาษาบ้านๆ คือ ขายได้แพงกว่าตอนอยู่ตลาดนัดแน่นอน

ตอนนี้ผมเริ่มกำลังทำวิจัยเล็กๆและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขของห้าง ถ้าดูแล้วไม่เอาเปรียบมากเกินไปผมว่าจะลองดูซักตั้ง 

ไหนๆก็จะเข้าหน้าฝนแล้ว มองห้างใหญ่ๆ ไว้เป็นทางเลือกย่อมไม่เสียหาย

Sunday, April 6, 2014

งานกาชาดและสมโภชศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี 1/1

งานกาชาดรอบนี้ถ้าเปรียบเทียบกับงนฟูดแฟร์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านไป หากเป็นโซนในเต้นท์งานกาชาดผู้คนส่วนใหญ่ย่อมให้ความสยใจมากอยู่แล้ง เพราะมันคือจุดขายของงานนี้โดยเฉพาะ แต่ถ้าเป็นตามร้านรวงที่ขายของกันภายในงานถือว่าไม่มีความคึกคักเอาเสียเลย จำนวนคนที่เดินไปมานั้นบางตากว่างานฟูดแฟร์มากครับ ไล่มาตั้งแต่หน้าศาลหลักเมืองบริเวณ สภ.อ.สฎ.  พ่อค้าแม่ขายต่างก็ก้มหน้าก้มตาเอานิ้วทิ่มสมาร์ทโฟนกันอย่างเมามันส์มากกว่าที่จะตั้งหน้าตั้งตาขายของเสียอีก เหอ ๆ ๆ ๆ ๆ สงสัยกำลังเล่นคุกกี้รันมั้ง





ถัดมาอีกหน่อยก็จะเป็นจุดสำคัญของงานที่มาการเสี่ยงดวงจับสลากสไตล์งานกาชาด เพียงแค่ลงทุนไม่กี่สิบบาทหรือกี่ร้อยบาทก็มีโอกาสที่จะได้รางวัลติดไม่ติดมือกลับบ้าน ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า ของเบ็ดเตล็ด หรือแม้แต่รถยนตร์ MPV ยอดฮิต คุณตรึมมากครับเพราะพี่ไทยนั้นชอบเสี่ยงดวง
ใกล้ๆ กันนั้นก็มีรำงเวียนครก รอบละ 20 บาท โซนนี้ถูกใจบรรดารุ่นคุณลุงคุณป้าแน่นอนครับ




ทีนี้เรามาดูในส่วนของโซนร้านค้าต่างๆ ที่ในงานนี้มีการจัดบูชแบบติดกันยาวไปตลอดจนแทบจะสุดถนนริมน้ำ ข้อดีที่เห็นชัดเจนคือ ผู้จัดงานได้รับค่าเช่าที่แบบเต็มๆ ครับ รวยกันไปหลังจากจบงานกาชาด แต่ข้อเสียก็ตกอยูกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าผู้เช่าแผงในส่วนของบบรรยากาศที่ไม่เอื้ออำนวยให้ได้เปรียบในการขาย  เพราะมันดูละลานตาจนตัดสินใจยากที่จะซื้อ  ผมกล้ารับประกันเลยว่าจบงานกาชาดนี้จะได้ยินหลายๆคำจากปากบรรดาพ่อค้าแม่ค้าแน่นอน  เช่น "คนไม่ค่อยซื้อ" .... "งานกาชาดปีนี้เงียบบบบบ" .... "เศรษฐกิจไม่ค่อยดี" ..... "คนคงเบื่อจากงานฟูดแฟร์ พอจัดงานกาชาดต่อคนก็เลยไม่ซื้อ"  หรืออะไรต่างๆ 


ราคาค่าลีอคแบบนี้ในงานกาชาด 2x2 เมตรอยู่ที่ราคา 16,000  บาท เฉลี่ยแล้วก็อยู่ที่ราวๆ 1,600 บาทต่อวัน ผมมองว่าราคานี้แพงมากครับ เพราะผู้จัดงานนั้นไม่มีความเป็นมืออาชีพในการวางผังร้านค้า ทำให้ร้านค้าที่ขายในงานนี้ขายยากกกกก มากกกกก แต่ต้องขายให้ได้เพื่อสู้กับรายจ่ายที่แพงงงงง มากกกกกก  เช่นกัน ถ้าผู้จัดได้มาอ่านบทความนี้ของผม ในรอบหน้าอยากให้ปรับปรุงการวางผังร้านค้าให้เป็นมืออาชีพกว่านนี้สักหน่อย อย่าให้อแอัดเกินไป เพราะเรื่องนี้คือหน้าที่ของท่านเอง ว่างๆ ก็ลองหาข้อมูลจากห้างใหญ่ๆ หรือร้านสะดวกซื้อชื่อดังบ้างก็ดีนะครับ หรือไม่ก็ลองสอบถามพนักงาน CPN ดูว่าการวางผังอย่างไรที่กระตุ้นการจับจ่าย เพราะห้างพวกนี้เวลาจะขยายสาขาแต่ละครั้งเค้าต้องใช้เงินลงทุนเป็นร้อยล้าน ต้องแม่นยำมากอยู่แล้ว น่าจะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์  

ส่วนค่าไฟฟ้าอยู่ที่ดวงละ 20 บาทสำหรับหลอดะเกียบนะครับ (อันนี้สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ตั้งแผงริมฟุตบาทนะครับ)
ของผมจะมีหลอดไฟสามดวงและเครื่องทำสายไหมอีกหนึ่งเครื่อง ราคา 100 ถ้วนพอดี



ความเห็นส่วนตัวของผม จะให้น้ำหนักในส่วนของทำเลและบรรยากาศที่ชวนให้จับจ่ายเป็นหลัก  เพราะคนส่วนใหญ่จะจ่ายเงินด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล  
ทำเลที่น่าสนใจสำหรับผม คือจุดที่ต้องมีความได้เปรียบในการมองเห็น เช่น ณ บริเวณตรงนั้นต้องมองเห็นหน้าร้านของเราโดยที่ไม่ต้องพยายามมอง แค่กวาดตาก็ต้องมีความรู้สึกสะดุดว่า "เอ๊ะ อะไรขาวๆ สว่างๆ"  พูดง่ายๆ คือต้องมีความเป็นคอขวดหรือคอคอดทางด้านการมองเห็นที่กินบริเวณกว้าง ต้องโดดเด่นในระยะปานกลางถึงระยะใกล้เพื่อลดความเสี่ยงในการขายให้สำเร็จง่ายยิ่งขึ้น


ในส่วนงานกาชาดนี้ผมก็ยังคงขายในที่ทำเลเดิมกับตอนที่ขายงานฟูดแฟร์ แต่รอบนี้ปัจจัยต่างๆ ไม่เอื้อำนวยให้เกิดคอคอดทางด้านสายตาของลูกค้าเอาเสียเลย ผมขายวันแรกวันเดียว จึงสังเกตเห็นอะไรบางอย่างว่าคน 10 คน เค้าเดินผ่านแผงผมไป แต่ในคนกลุ่มนั้นมีแค่คนเดียวที่มองเห็นแผงของผม ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอาเสียเลย  เพราะอีก 9 คนเดินภายไปโดยไม่ได้รับรู้และตัดสินใจเลยเสียด้วยซ้ำ นี่เองคือเหตุผลที่ผมขายงานกาชาดเพียงวันเดียว คือ 2 เมษายน หลังจากนั้นนอนตีพุงอยู่ที่บ้านหรือเอาเวลาไปซ้อมดนตรีดีกว่าครับ และงานต่อไปที่ผมมองคือ งานวัดหลวงพ่อพัฒน์ 


ลาก่อนนะงานกาชาด ไว้เจอกันปีหน้านะครับ