ตลาดนัดไดมอนด์
ชื่อตลาดแห่งนี้กำเนิดมาจากแหล่งที่ตั้งของตลาดที่อยู่ตรงข้ามกับโรงแรมไดมอนด์นั่นเองครับ หากต้องการจะมาขายของตลาดนัดที่นี่ก็จำเป็นที่จะต้องรู้ข้อมูลสักนิดนึงเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งภายในกันหน่อย และที่สำคัญๆก็มีไม่กี่อย่างครับ
1 สำนักงาน
การจะมาจองล๊อคขายของตลาดนัดหรือตลาดสดล้วนต้องเข้ามาที่สำนักงานนี้ ภายในจะมีพนักงานสาวสามถึงสี่คนนั่งสวยๆอยู่ภายในสำนักงาน ผมมีข้อเสนอแนะนิดนึงครับว่าหากต้องการจะมาจองล๊อค ต้องรีบมาให้เช้าและเร็ว โดยเฉพาะวันจันทร์และวันศุกร์ มายืนรอหน้าสำนักงานสักประมาณ 8.00 น. หรือยิ่งเช้าได้ก็ยิ่งดีครับ เพราะล๊อคที่นี้เต็มเร็วมาก ใครๆก็อยากจะมาขาย หากท่านเข้ามาที่สำนักงานตอนสักประมาณสายๆหน่อยแล้วล๊อคเต็ม สังเกตได้จากป้ายกระดาษหน้าประตูตามในรูปนี้เลย และสาเหตุที่ผมไม่เคยคิดจะมาจองล๊อที่นี่ เพราะผมเล่นดนตรีกลางคืนเลิกดึกครับกว่าจะได้นอนก็ประมาณตี 4 และมักจะตื่นมาจองล๊อคไม่เคยทันเลย ซึ่งป้าย " ล๊อคตลาดนัดวันนี้( สินค้าทุกประเภท) เต็มแล้ว (ไม่เหลือสักล๊อค) " นี้เป็นป้ายที่ผมเห็นจนชินแล้ว.....
สำหรับใครที่อยากจะจองล๊อคประจำ ที่ตลาดนัดไดมอนด์จะมีการจับฉลากเลือกล๊อคกันทุกวันที่ 1 ของเดือนเสมอๆ ช่วงเวลาก็ประมาณ บ่ายแก่ๆ หน่อยครับ ยังไงก็ลองติดจ่อสอบถามเจ้าหน้าี่คนสวยกันได้นะครับ
2 ตลาดสดไดมอนด์
ตรงตัวตามความหมายครับ ที่นี้จะเป็นลักษณะของส่วนโล่งหลังคาคลุมและมีล๊อคที่ก่อขึ้นมาจากปูน เน้นขายผัก ผลไม้ หมูตาย ไก่ตาย ปลาตายและปลาเป็น เครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ ข้าวสารอาหารแห้ง สินค้าอุปโภคบริโภคตามเรื่องตามราว
3 ลานจอดรถ / ตลาดนัดไดมอนด์
นี่คือจุดไคลแมกซ์ของหัวข้อนี้ครับ สำหรับตลาดนัดไดมอนด์ ในวันปกติสถานที่แห่งนี้จะเป็นลานจอดรถยนต์แห้งๆ ธรรมดา แต่เมื่อถึงวันจันทร์และวันศุกร์เมื่อไหร่ รถยนตร์ที่จอดจะถูกกีดกันไม่ให้ผ่านเข้ามาในบริเวณนี้ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่นอนหลับกันเต็มตื่นจากเมื่อคืน ก็ต่างพากันมาตั้งแผงขายของกัน บางคนมาตั้งแต่เที่ยงวันก็มี ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ว่าพี่เค้าจะรีบตั้งไปไหน แดดร้อนเปรี้ยงๆ ลานโล่งๆ แล้วมีแผงขายอาหารอยู่ล๊อคเดียวตั้งแต่บ่าย 2 เนี่ยนะ ..... อย่าไปเข้าใจเขาเลยครับ เพราะเขาอาจจะถือคติที่ว่าเตรียมพร้อมดีมีชัยไปกว่าครึ่งก็ได้
และลานตลาดนัดไดมอนด์ดก็ยังแบ่งย่อยได้เป็น 2 โซนอีกที คือ โซนอาหารและโซนสินค้าอุปโภค
ล๊อคอาหาร
ในล๊อคอาหารจะมีลักษณะของพื้นที่เป็นรูปตัว L ซึ่งก็สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 2 พื้นที่ย่อยๆอีก คือ พื้นที่คนเดินผ่านพลุพล่าน (สีแดง)และพื้นที่คนเดินผ่านน้อย (สีเหลือง)
นี่คือรูปแบบการเดินจับจ่ายของลูกค้าในตลาดนัด สีแดงคือหนาแน่น สีเหลืองคือเบาบาง
ล๊อคประจำที่พ่อค้าแม่ค้าต่างซื้อจับจองกันในระบบรายเดือนส่วนใหญ่จะเป็นโซนสีแดงเพราะคนทั่วไปจะนิยมเดินเยอะมว๊ากกกกกกกกก พฤติกรรมของคนเดินตลาดนัดมักจะเดินวนอยู่ในกรอบสีแดง ส่วนเหตุผลที่โซนสีเหลืองมีคนเดินผ่านน้อยก็เนื่องมาจากที่ว่าเป็นพื้นที่ติ่งเนื้องอกน้อยๆ ที่สามารถยืนกวาดตาดูด้วยตาก็เห็นหมดแล้วว่ามีอะไรขายบ้าง เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินผ่านไปให้เมื่อยตุ้ม หากท่านมันใจว่าสิ่งที่ท่านกำลังขายอยู่นั้นสามารถสะกดจิตลูกค้าทั้งหลายให้แย่งกันรุมทึ้ง รุมซื้อได้ละก็ ต้องมีทำเลที่ดีด้วยนะครับ และโซนสีแดงคือสิ่งที่ท่านต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาครอบครอง (รับรอง ขายกันไม่ทัน)
ล๊อคสินค้าอุปโภค
มีหมดทุกอย่างที่ไม่ใช่ของกิน และส่วนใหญ่โซนนี้ถ้าให้ผมประเมินด้วยสายตาดวงน้อยๆของผมเอง จะเป็นล๊อคขายเสื้อผ้าถึง 80% ซึ่งรวมทั้งหมดทั้งเสื้อผ้ามือสองและมือหนึ่ง ... ถือว่าเยอะมากเลยใช่ไหมครับ และสินค้าประเภทอื่นๆก็เช่น น้ำหอม แผ่นซีดี ของเล่นเคสโทรศัพท์ เครื่องดนตรี การ์ตูนมือสอง
และเช่นกันครับ ในโซนสินค้าอุปโภคนี้หากใช้ความพลุกพล่านของคนที่เดินไปมาเป็นเกณฑ์ ก็จะแบ่งได้ 2 พื้นที่ย่อยๆ อีกคือ พื้นที่ที่คนเดินกันพลุกพล่าน (สีกรมท่า) และพื้นที่ที่คนเดินน้อย (สีเหลือง) ใครที่คิดจะขายในสิ่งที่แตกต่างอย่าลืมด้วยนะครับ ยึดพื้นที่ที่คนพลุกพล่านเข้าไว้ โอกาสชนะ ย่อมมีสูง
4 ลานจอดรถ
ถือว่าเป็นรายการเสิรมที่สำคัญครับ เพราะถ้าไม่มีที่จอดรถหรือจอดรถลำบาก ย่อมมีผลต่อการตัดสินใจเดินตลาดไม่มากก็น้อย
ส่วนพื้นที่นี้ลักษณะจะเป็นลานลูกรังที่มีความพิการสูง คือเป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นโคก เป็นเนิน ซึ่งถ้าใครเคยเข้ามาในพื้นี่จอดรถตรงนี้จะรู้ว่ามันยิ่งกว่าที่ผมบรรยาย
ผมเคยเห็นรถเก๋งใหม่ป้ายเเดงขับเข้ามาจอดในพื้นที่นี้ ผลก็คือ แค่ปากทางเข้าก็เล่นเอาสเกิร์ตข้างๆ ถลอกปอกเปิกไปหมด เมื่อคนขับเริ่มคิดได้ว่ากูไม่น่าเข้ามาเลย ... ก็เลยถอยรถยนต์ออกจากพื้นที่จอดรถ ปลายท่อไอเสียก็ดันขุดดินกลับไปดูเป็นที่ระลึกให้คนที่บ้านดูเสียอีก ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่เหมือนกันครับว่า พนักงานที่นี่วันๆ เป็นแต่เก็บตังค์ค่าล๊อคแพงๆเป็นอย่างเดียว แค่นั้นหรือ ??? แต่ส่วนเรื่องที่ต้องพัฒนาตลาดโดยการสอดส่องและประสานงานกับผู้ที่รับผิดชอบให้ตลาดเกิดการพัฒนาและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นกลับไม่เคยคิดจะทำเลย .... อืม แต่มันก็เป็นแบบนี้มาหลายเดือนแล้วนะ คงจะทำเป็นอยู่แค่นั้นจริงๆนั่นแหละ
ราคาค่าล๊อคนั้นอยู่ที่ 150 บาทสำหรับโซนอาหาร และ 60 บาทสำหรับโซนเสื้อผ้า ขาดตัว และราคานี้รวมค่าไฟฟ้าแล้วนะครับ พ่อค้าแม่ค้าท่านใดจะเอาหลอดไฟมาติดที่ล๊อคสัก 50 ดวงก็ไม่เป็นไร หรือจะเอาหม้อหุงข้าวมาหุงข้าวกินกัน ราคานี้แหละครับ จัดได้ว่าเป็นราคาที่แพงที่สุดในตลาดนัดสุราษฎร์ธานีตอนนี้เลยทีเดียว แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะขาย
สรุปโดยรวมสำหรับตลาดนัดไดมอนด์ ถือว่าค่อนข้างดีและเป็นที่นิยมทั้งบุคคลทั่วไปและพ่อค้าแม่ขาย แม้ราคาค่าล๊อคจะสูงมากก็ตาม