Wednesday, February 19, 2014

ตลาดนัดไดมอนด์ สุราษฎร์ธานี 2/2

เอาละครับ หัวข้อที่แล้วคือข้อมูลด้านภูมิศาสตร์และสภาพพื้นผิวโลก น่าจะมีประโยชน์ไม่น้อยนะครับสำหรับมือใหม่ ที่นี้มาลองดูสภาพตลาดนัดที่ถ่ายจริงว่าสินค้าที่ขายส่วนใหญ่คืออะไรกันนะครับ เริ่มจากโซนเสื้อผ้าและเบ็ดเตล็ดกันเลย






80-90% คือเสื้อผ้ามือหนึ่งและมือสอง ส่วนที่เหลือก็จะเป็นเบ็ดเตล็ดอื่นๆ เช่น แว่นตา กระเป๋า น้ำหอม ซึ่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่มีน้อยเจ้านั้นก็ไม่ต้องแข่งขันกันสูงครับและจากการที่ผมเคยแอบสอบถามพูดคุยกันแม่ค้าเหล่านี้ มักจะมีลูกค้าขาประจำอยู่แล้ว เช่น ร้านขายน้ำหอม ร้านแว่นตา 

กลยุทธ์ที่ผมจะแนะนำสำหรับมือใหม่ตลาดนัด คือ เน้นเริ่มที่สินค้าเบ็ดเตล็ดน้อยเจ้านี่แหละครับจะปลอดภัยที่สุดซึ่งเราต้องเริ่มต่อยอดจากเจ้าเก่าที่ขายอยู่ กับคำถามที่ว่า  "หากเราต้องขายสินค้าชนิดนี้ อะไรคือสิ่งที่จะเติมเต็มความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้นได้อีก" หรือ " จะสามารถพัฒนาบริการให้ดีขึ้นได้อย่างไรโดยไม่มีต้นทุนเพิ่มขึ้น " รับรองว่าสนุกแน่ครับ กับคู่แข่งน้อยราย

ทีนี้มาเข้าสู่ประเด็นของการขายเสื้อผ้ากันต่อ หากใครต้องการจะขายเสื้อผ้า ซึ่งหันไปทางไหนก็มีแต่คู่แข่งเต็มมมมมมไปหมด ผมแนะนำกลยุทธ์แผงหัวมุมอย่างเดียวเลยครับ เพราะในเมื่อมันเยอะจนละลานตาก็คงต้องใช้ทำเลเข้าช่วยซึ่งได้ผลดีแน่นอน ล๊อคหัวมุมจะได้เปรียบตรงที่เป็นตำแหน่งคนสัญจรพลุกพล่าน สามารถมองเห็นง่ายจากทั้งสองทิศทาง แลดูโปร่งโล่งสบายซึ่งความที่เป็นล๊อคหัวมุมทำให้พลางตาลูกค้าให้ล๊อคของเราแลดูกว้างใหญ่เป็นพิเศษ  หรืออาจจะซื้อล๊อคถัดจากหัวมุมมาสักล๊อคสองล๊อคก็ไม่ว่ากันเพราะถือว่ายังอยู่ในทำเลที่สายตาของลูกค้าสามารถกวาดมาถึงอยู่

ค่าล๊อคโซนนี้จะอยู่ที่ราคา 60 บาทต่อล๊อคนะครับ รวมไฟฟ้าเรียบร้อยแล้วด้วย


ที่นี้มาต่อกันด้วยล๊อคขายอาหารกันเลย




จากการประเมินด้วยสายตาชั้นเดียวของผมเอง สามารถแบ่งหมวดอาหารได้เป็น 3 หมวดหยาบๆ คือ อาหารและขนมต่างๆ  เครื่องดื่ม และผลไม้

อาหารและขนมก็มีทั้ง ข้าวเหนียวไก่ทอด บาบีคิว ขนมจีบ โรตีสายไหม ก๋วยเตี๋ยว เครปญี่ปุ่น เฉาก๊วย ซาลาเปาทอด ประเภทยำ ผัดไทไชยา หอยทอด ฯลฯ จิปาถะ ตีเป็นสัดส่วนในโซนอาหารก็จะอยู่ที่ประมาณ 40-50 % ของโซนอาหารเห็นจะได้มั้ง

ส่วนเครื่องดื่มพวกชาเย็น โอเลี้ยง น้ำผลไม้ปั่น น้ำผลไม้ผสมน้ำผึ้ง น้ำเปล่า น้ำอัดลม ผมให้สัดส่วนที่ 10-15 % ของโซนอาหาร

และสุดท้ายผลไม้นานาชนิด ประมาณ 35-50 % ของโซนอาหาร ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและฟ้าฝนด้วย  

หากใครอ่านบทความตลาดนัดไดมอนด์ 1/2 มาก่อนจะรู้ว่าล๊อคขายอาหารตรงโซนสีแดงนั้นคือพื้นที่ที่คนพลุกพล่านมากและโอกาสในการขายสูง ส่วนล๊อคสีเหลืองที่เห็นเป็นติ่งน้อยๆ แยกออกมาคือโซนมรณะ มีล๊อคอาหารมาลงกันกี่เจ้ารับรองว่ามาขายกันได้ไม่เกิน 3 นัด เป็นต้องเจ๊งม้วนเสื่อพับกลับบ้านไปทุกครั้ง คำแนะนำคือ ขายของกินที่คุณถนัดโดยเน้นที่โซนสีแดงเข้าไว้ เพราะโซนสีเหลืองมันโครตเสี่ยง ขายอะไรก็ได้รับรองรอด

ราคาโซนตรงนี้อยู่ที่ 150 บาทต่อล๊อคครับ 

นี่คือคำแนะนำเล็กๆน้อยๆ จากพ่อค้าตลาดนัดครับ หวังว่าข้อมูลเหล่านี้คงจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่คิดจะเริ่มต้นค้าขายนะครับ





Saturday, February 15, 2014

ตลาดนัดไดมอนด์ สุราษฎร์ธานี 1/2

ตลาดนัดไดมอนด์



ชื่อตลาดแห่งนี้กำเนิดมาจากแหล่งที่ตั้งของตลาดที่อยู่ตรงข้ามกับโรงแรมไดมอนด์นั่นเองครับ หากต้องการจะมาขายของตลาดนัดที่นี่ก็จำเป็นที่จะต้องรู้ข้อมูลสักนิดนึงเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งภายในกันหน่อย และที่สำคัญๆก็มีไม่กี่อย่างครับ 



1 สำนักงาน
    การจะมาจองล๊อคขายของตลาดนัดหรือตลาดสดล้วนต้องเข้ามาที่สำนักงานนี้  ภายในจะมีพนักงานสาวสามถึงสี่คนนั่งสวยๆอยู่ภายในสำนักงาน    ผมมีข้อเสนอแนะนิดนึงครับว่าหากต้องการจะมาจองล๊อค ต้องรีบมาให้เช้าและเร็ว โดยเฉพาะวันจันทร์และวันศุกร์ มายืนรอหน้าสำนักงานสักประมาณ 8.00 น. หรือยิ่งเช้าได้ก็ยิ่งดีครับ เพราะล๊อคที่นี้เต็มเร็วมาก ใครๆก็อยากจะมาขาย  หากท่านเข้ามาที่สำนักงานตอนสักประมาณสายๆหน่อยแล้วล๊อคเต็ม สังเกตได้จากป้ายกระดาษหน้าประตูตามในรูปนี้เลย และสาเหตุที่ผมไม่เคยคิดจะมาจองล๊อที่นี่ เพราะผมเล่นดนตรีกลางคืนเลิกดึกครับกว่าจะได้นอนก็ประมาณตี 4 และมักจะตื่นมาจองล๊อคไม่เคยทันเลย ซึ่งป้าย " ล๊อคตลาดนัดวันนี้( สินค้าทุกประเภท) เต็มแล้ว (ไม่เหลือสักล๊อค) " นี้เป็นป้ายที่ผมเห็นจนชินแล้ว.....

สำหรับใครที่อยากจะจองล๊อคประจำ ที่ตลาดนัดไดมอนด์จะมีการจับฉลากเลือกล๊อคกันทุกวันที่ 1 ของเดือนเสมอๆ ช่วงเวลาก็ประมาณ บ่ายแก่ๆ หน่อยครับ ยังไงก็ลองติดจ่อสอบถามเจ้าหน้าี่คนสวยกันได้นะครับ







2 ตลาดสดไดมอนด์
          ตรงตัวตามความหมายครับ ที่นี้จะเป็นลักษณะของส่วนโล่งหลังคาคลุมและมีล๊อคที่ก่อขึ้นมาจากปูน เน้นขายผัก ผลไม้ หมูตาย ไก่ตาย ปลาตายและปลาเป็น เครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ ข้าวสารอาหารแห้ง สินค้าอุปโภคบริโภคตามเรื่องตามราว



3 ลานจอดรถ / ตลาดนัดไดมอนด์
          นี่คือจุดไคลแมกซ์ของหัวข้อนี้ครับ สำหรับตลาดนัดไดมอนด์ ในวันปกติสถานที่แห่งนี้จะเป็นลานจอดรถยนต์แห้งๆ ธรรมดา แต่เมื่อถึงวันจันทร์และวันศุกร์เมื่อไหร่ รถยนตร์ที่จอดจะถูกกีดกันไม่ให้ผ่านเข้ามาในบริเวณนี้ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่นอนหลับกันเต็มตื่นจากเมื่อคืน ก็ต่างพากันมาตั้งแผงขายของกัน บางคนมาตั้งแต่เที่ยงวันก็มี ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ว่าพี่เค้าจะรีบตั้งไปไหน แดดร้อนเปรี้ยงๆ ลานโล่งๆ แล้วมีแผงขายอาหารอยู่ล๊อคเดียวตั้งแต่บ่าย 2 เนี่ยนะ ..... อย่าไปเข้าใจเขาเลยครับ เพราะเขาอาจจะถือคติที่ว่าเตรียมพร้อมดีมีชัยไปกว่าครึ่งก็ได้ 
         และลานตลาดนัดไดมอนด์ดก็ยังแบ่งย่อยได้เป็น 2 โซนอีกที คือ โซนอาหารและโซนสินค้าอุปโภค




          ล๊อคอาหาร

ในล๊อคอาหารจะมีลักษณะของพื้นที่เป็นรูปตัว L ซึ่งก็สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 2 พื้นที่ย่อยๆอีก คือ พื้นที่คนเดินผ่านพลุพล่าน (สีแดง)และพื้นที่คนเดินผ่านน้อย (สีเหลือง)

   นี่คือรูปแบบการเดินจับจ่ายของลูกค้าในตลาดนัด สีแดงคือหนาแน่น สีเหลืองคือเบาบาง




        ล๊อคประจำที่พ่อค้าแม่ค้าต่างซื้อจับจองกันในระบบรายเดือนส่วนใหญ่จะเป็นโซนสีแดงเพราะคนทั่วไปจะนิยมเดินเยอะมว๊ากกกกกกกกก  พฤติกรรมของคนเดินตลาดนัดมักจะเดินวนอยู่ในกรอบสีแดง ส่วนเหตุผลที่โซนสีเหลืองมีคนเดินผ่านน้อยก็เนื่องมาจากที่ว่าเป็นพื้นที่ติ่งเนื้องอกน้อยๆ ที่สามารถยืนกวาดตาดูด้วยตาก็เห็นหมดแล้วว่ามีอะไรขายบ้าง เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินผ่านไปให้เมื่อยตุ้ม  หากท่านมันใจว่าสิ่งที่ท่านกำลังขายอยู่นั้นสามารถสะกดจิตลูกค้าทั้งหลายให้แย่งกันรุมทึ้ง รุมซื้อได้ละก็ ต้องมีทำเลที่ดีด้วยนะครับ และโซนสีแดงคือสิ่งที่ท่านต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาครอบครอง (รับรอง ขายกันไม่ทัน)




     ล๊อคสินค้าอุปโภค 

    มีหมดทุกอย่างที่ไม่ใช่ของกิน และส่วนใหญ่โซนนี้ถ้าให้ผมประเมินด้วยสายตาดวงน้อยๆของผมเอง จะเป็นล๊อคขายเสื้อผ้าถึง 80% ซึ่งรวมทั้งหมดทั้งเสื้อผ้ามือสองและมือหนึ่ง ... ถือว่าเยอะมากเลยใช่ไหมครับ  และสินค้าประเภทอื่นๆก็เช่น น้ำหอม แผ่นซีดี ของเล่นเคสโทรศัพท์  เครื่องดนตรี การ์ตูนมือสอง

    และเช่นกันครับ ในโซนสินค้าอุปโภคนี้หากใช้ความพลุกพล่านของคนที่เดินไปมาเป็นเกณฑ์ ก็จะแบ่งได้ 2  พื้นที่ย่อยๆ อีกคือ พื้นที่ที่คนเดินกันพลุกพล่าน (สีกรมท่า) และพื้นที่ที่คนเดินน้อย (สีเหลือง) ใครที่คิดจะขายในสิ่งที่แตกต่างอย่าลืมด้วยนะครับ ยึดพื้นที่ที่คนพลุกพล่านเข้าไว้ โอกาสชนะ ย่อมมีสูง






4 ลานจอดรถ


       ถือว่าเป็นรายการเสิรมที่สำคัญครับ เพราะถ้าไม่มีที่จอดรถหรือจอดรถลำบาก ย่อมมีผลต่อการตัดสินใจเดินตลาดไม่มากก็น้อย
       ส่วนพื้นที่นี้ลักษณะจะเป็นลานลูกรังที่มีความพิการสูง คือเป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นโคก เป็นเนิน ซึ่งถ้าใครเคยเข้ามาในพื้นี่จอดรถตรงนี้จะรู้ว่ามันยิ่งกว่าที่ผมบรรยาย 



ผมเคยเห็นรถเก๋งใหม่ป้ายเเดงขับเข้ามาจอดในพื้นที่นี้ ผลก็คือ แค่ปากทางเข้าก็เล่นเอาสเกิร์ตข้างๆ ถลอกปอกเปิกไปหมด เมื่อคนขับเริ่มคิดได้ว่ากูไม่น่าเข้ามาเลย ... ก็เลยถอยรถยนต์ออกจากพื้นที่จอดรถ ปลายท่อไอเสียก็ดันขุดดินกลับไปดูเป็นที่ระลึกให้คนที่บ้านดูเสียอีก ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่เหมือนกันครับว่า พนักงานที่นี่วันๆ เป็นแต่เก็บตังค์ค่าล๊อคแพงๆเป็นอย่างเดียว แค่นั้นหรือ ??? แต่ส่วนเรื่องที่ต้องพัฒนาตลาดโดยการสอดส่องและประสานงานกับผู้ที่รับผิดชอบให้ตลาดเกิดการพัฒนาและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นกลับไม่เคยคิดจะทำเลย  .... อืม แต่มันก็เป็นแบบนี้มาหลายเดือนแล้วนะ คงจะทำเป็นอยู่แค่นั้นจริงๆนั่นแหละ


ราคาค่าล๊อคนั้นอยู่ที่ 150 บาทสำหรับโซนอาหาร และ 60 บาทสำหรับโซนเสื้อผ้า ขาดตัว และราคานี้รวมค่าไฟฟ้าแล้วนะครับ พ่อค้าแม่ค้าท่านใดจะเอาหลอดไฟมาติดที่ล๊อคสัก 50 ดวงก็ไม่เป็นไร หรือจะเอาหม้อหุงข้าวมาหุงข้าวกินกัน ราคานี้แหละครับ จัดได้ว่าเป็นราคาที่แพงที่สุดในตลาดนัดสุราษฎร์ธานีตอนนี้เลยทีเดียว แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะขาย



สรุปโดยรวมสำหรับตลาดนัดไดมอนด์ ถือว่าค่อนข้างดีและเป็นที่นิยมทั้งบุคคลทั่วไปและพ่อค้าแม่ขาย แม้ราคาค่าล๊อคจะสูงมากก็ตาม
 





Tuesday, February 11, 2014

ตลาดนัด สุราษฎร์ธานี

เอาละครับที่นี้ก็ได้เวลาที่ทุกท่านรอคอยกันแล้วนะครับ กับรายละเอียดของตลาดนัดในสัปดาห์นึงที่จะวนเวียนกันไปยังที่ใดบริเวณใดกันบ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับหัวข้อของบทความผมจะขออรัมบทเป็นรูปภาพแบบคร่าวๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมว่ามีตลาดนัดในพื้นที่ใดกันบ้างนะครับ



คราวนี้เราจะมาเจาะลึกกันทีละตลาดกันต่อเลย จากบทความต่อๆไป ติดตามข้อมูลกันได้นะครับ