มาถึงฤดูกาลมรสุมปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมครับ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีแทบทุกวันจะมีเมฆครึ้มและฝนฟ้าคะนองในช่วงเวลาตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไปครับ ฝนตกตอนไหนไม่ตกดันมาตกเอาในช่วงที่ผมกำลังเตรียมตัวไปขายของทุกที และเมื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจอย่างนี้ติดต่อกันหลาย ๆ วันเข้า ผมก็เลยต้องร้องเพลงรอ นอนเกาพุงอยู่ที่บ้านอย่างเบื่อหน่าย รายได้ก็หายไป รายจ่ายก็เพิ่มขึ้นทุกวัน
ผมจึงคิดว่าหากฟ้าฝนเป็นแบบนี้ติดต่อกันไปทุก ๆ วัน ไม่ดีแน่ เราต้องหารายได้จากการที่ต้องทำงานอะไรเพิ่มอีกสักอย่างหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์การหารายได้ของผมตอนนี้ ถ้าคิดว่ารอให้มรสุมมันพ้นผ่านไปแล้วกลับมาขายของตลาดนัด ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะพ้นผ่านไปหรือต้องรอไปถึงเมื่อไหร่และเมื่อถึงเวลานั้นเป็นช่วงเดือนมิถุนายน ก็เปลี่ยนผ่านมาเป็นช่วงหน้าฝนอีก อุปสรรคเรื่องฟ้าฝนก็ไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อไตร่ตรองดูแล้วจึงคิดว่าเราต้องอย่าไปยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใดหรืองานใดให้มาก ไม่งั้นเราก็จะเกิดทุกข์เสียเอง แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี
จนกระทั่งเย็นวันหนึ่งผมก็ไปขายของตลาดนัดเพราะท้องฟ้าเปิดในยามเย็น จำได้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งสัปดาห์ฝนตกทุกวันแต่วันนี้ท้องฟ้าเปิด แสงแดดยามเย็นทอผ่านช่องตรงกลางของก้อนเมฆที่รวมตัวกันคล้าย ๆ รูปโดนัทจนเห็นแสงสีทองผ่านมาเป็นเส้นทอดลงมา ผมมองสภาพอากาศแล้วคิดว่าเป็นวันที่ดีจึงเตรียมตัวและเดินทางไปตลาดนัด เมื่อตั้งแผงเสร็จ ก็นั่งขายตามปกติเหมือนเช่นที่เคยทำ นั่งคุยกับพ่อค้าล๊อคติดกันอยู่เพลิน ๆ ลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งก็เดินมาหยุดอยู่ตรงล๊อคที่ผมขายของแล้วเรียกชื่อผม
“อ้าวววว ! วิช มาขายของตลาดนัดตั้งแต่เมื่อไหร่”
ผมหันไปดูจึงได้รู้ว่าเจ้าของเสียงที่เรียกนั้นคือ คุณไก่ เพื่อนเก่าสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยนั่นเอง คุยกันไปคุยกันมาจึงได้รู้ว่าคุณไก่นั้นทำงานอยู่ในบริษัทประเมินทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์และกำลังจะลาออกในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมพอดี เหมาะเจาะกับตัวผมที่ต้องการงานประเภทบ้านและที่ดินอยู่พอดี จึงจัดการแลกเบอร์โทรศัพท์ หลังจากวันนั้นผมก็คุยกับคุณไก่เรื่องที่ว่าต้องเตรียมตัวหาข้อมูลและหลักฐานต่าง ๆ ว่าต้องใช้อะไรบ้าง เพื่อไปสมัครงานในบริษัทดังกล่าวให้ได้ และตัดสินใจว่าอาจจะหยุดบทบาทการเป็นพ่อค้าอูคูเลเล่ เพื่อที่จะได้เอาเวลาไปทุ่มและเรียนรู้งานใหม่ให้คล่องเสียก่อน
พอมานั่งทบทวนและคิดดูว่าหลังจากที่ผมได้ขายของตลาดนัดอยู่พักใหญ่ ๆ ก็ได้รู้และเข้าใจอะไรต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นและเป็นประสบการณ์ในชีวิตที่ไม่สามารถประเมินค่าได้มากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เรียนรู้ตลาดนัดเปรียบได้กับห้องเรียนขนาดใหญ่ มีเพื่อนร่วมชั้นเป็นพ่อค้าแม่ขายร่วมตลาดนัดที่คอยให้คำปรึกษาและข้อมูลต่าง ๆ ทั้งกลยุทธ์ วิธีการขาย การตั้งแผง ส่วนลูกค้าเปรียบได้กับคุณครู คอยให้บทเรียนจากความเป็นจริง ผมเชื่อว่าสิ่งที่เจอมาทั้งหมดย่อมเป็นประโยชน์ต่อการคิดและตัดสินใจของผมเองในการทำงานต่าง ๆ ในอนาคตอย่างแน่นอน
สำหรับคนที่ต้องการจะหารายได้จากการขายตลาดนัด เป็นการขายที่สร้างรายได้ได้เป็นอย่างดีและผมสนับสนุนเต็มที่ที่จะให้ทุกคนได้มีประสบการณ์ทางด้านนี้ การเริ่มต้นอย่างแรกเลยที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นรูปธรรมคือ ต้องลงมือทำให้มันเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดโดยไม่ต้องคำนึงว่ามันจะต้องสมบูรณ์แบบครับ นี่คือวิถีของผมที่ผมอยากจะแนะนำไว้เป็นบันไดขั้นแรก ส่วนขั้นต่อ ๆ ไปนั้นจะง่ายขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
จำไว้ว่า ยากที่สุดคือการเริ่มต้นเดินก้าวแรกครับ ส่วนก้าวต่อไปจะง่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ

และอีกไม่นานผมต้องเข้าสู่วงการอาชีพที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของคนทั้งโลก นั่นคืออสังหาริมทรัพย์ โอ้ เกิดมาไม่เคยคาดฝันมาก่อนเลยจอร์จ
...................................................................................
แนะนำหนังสือเคยอ่าน
ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบมืออาชีพ
หนังสือเล่มนี้เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์กว่า 20 ปี ของอาจารย์ อนุชา กุลวิสุทธิ์ครับ ที่ผมต้องเรียกว่าอาจารย์เพราะว่าผมเคยได้เข้ารับการสัมมนาโดยมีอาจารย์อนุชา กุลวิสุทธิ์เป็นวิทยากร ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อาจารย์อนุชาได้มอบไว้ให้ผู้สัมมนาทุกคน จัดได้ว่าเป็นหนังสืออีกเล่นหนึ่งที่อ่านแล้วสามารถที่จะนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ๆ ครับ เนื้อหารอบด้านและครอบคลุม ผู้ที่รักการลงทุนในบ้านและที่ดินแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรกับเส้นทางสายนี้ ผมขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้ท่านไปลองศึกษาดู รับรองว่าไม่ผิดหวังครับ
..........................................................................................................
No comments:
Post a Comment