แม้ว่ากลางคืนผมจะเล่นดนตรี ส่วนกลางวันผมจะติดตามและลงทุนในตลาดหุ้น
แต่ว่าตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวผมเองยังไม่ได้ใช้ศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่สักเท่าไหร่ กลางคืนเราเป็นลูกจ้างประจำ ส่วนกลางวันก็ตื่นสายๆยิ่งช่วงนี้มีการประท้วงการนิรโทษกรรม ก็รอดูตลาดหุ้นลุ้นให้มันลงแดงเยอะๆ จะได้ซื้อหุ้นเพิ่ม 5555
การเทรดหุ้นมันน่าเบื่อมากครับ มันเรียบง่ายเกินไป ส่วนจะได้กำไรหรือไม่นั้นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมกำลังมองหารายได้เสริมเป็นช่องทางที่ 3 ให้กับตัวเอง แน่นอนครับว่าเฉพาะเล่นดนตรี รายได้ของผมรวมๆแล้วก็ประมาณ 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป มันก็พอจะทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างสบาย แต่ผมมองถึงเรื่องการใช้เวลาในแต่ละวันมากกว่าว่าควรจะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ทุกวินาทีมากกว่านี้ และแน่นอนว่าตัวเลือกที่ผมจะใช้เป็นช่องทางหารายได้ก็คงต้องเป็น "ตลาดนัด"
ถ้าหลายๆคนเคยอ่านหัวข้อเก่าๆ เกี่ยวกับตลาดนัดของผมก็จะรู้ว่าผมก็เป็นมือใหม่ไร้เดียงสาคนนึง .... แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไร้เดียงสาอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้ประสบการณ์ที่เคยขายของ นำมาใช้จนเกิดประโยชน์ก็คือ การจับต้นชนปลายขั้นตอนต่างๆ เกี่ยวกับการหาตลาด สถานที่ แหล่งขายสินค้าราคาส่ง และอุปกรณ์ที่จำเป็นในตลาดนัด ซึ่งสามารทำได้อย่างรัดกุม รวดเร็ว และมีรายจ่ายสูญเสียน้อยกว่าหรือแทบจะไม่มีการสูญเสียรายจ่ายตรงนี้เลย เพราะเราสามารถเอาบทเรียนมานั่งวิเคราะห์และแก้ไข พัฒนา ให้มันดีขึ้นได้
ถ้าให้ผมทบทวนว่าการขายของตลาดนัดครั้งแรกของผมเกิดจากอะไร บอกได้เลยว่ามันไม่ได้เริ่มที่ตลาดนัดครับ มันเริ่มจากมีผู้ชายอ้วนคนนึงที่เป็นสมาชิกในวงเดียวกับผม นั่งคุยกันเรื่องดนตรี แล้วก็มาออกเรื่องการเล่น อูคูเลเล่ แล้วมาสุดซอยที่โอกาสทางธุรกิจเกี่ยวกับการขายเครื่องดนตรี
"วิช สนใจจะขายของอะป่าว" -0-
"โหยพี่แซม ... จะให้ผมขายอะไร ทุกวันนี้เงินยังใช้ไม่พอชนเดือนเลย จะให้ไปลงทุนอะไรได้ " - -
"งั้นเดี๋ยวพี่ลงทุนให้ ส่วนวิชลงแรงละกัน ยกเอาอูคูเลเล่ไปขายตามตลาดนัด ขายได้เท่าไหร่ กำไรหารสอง แฟร์ๆ " -0-
"แล้วทำไมพี่ไม่ขายเองละ กำไรจะได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย" - -
"พี่ไม่มีเวลาวะ .ตอนนี้ก็ขายทางเน็ตอยู่ แต่ตลาดนัดพี่คงไปขายเองไม่ได้ เพราะมีงานสอนเลิกเย็นเกือบทุกวัน เหนื่อยเกิน" -0-
" จัดไป ตามนั้น" - -
นี่แหละครับ คือจุดเริ่มต้นของการเอาอูคูเลเล่ไปขายตามตลาดนัด มีรายได้แบบเป็นกอบเป็นกำ เพราะช่วงนั้นกระแสแทบจะเรียกได้ว่า คลั่งสุดๆ ในหมู่วัยรุ่นสุราษฎร์ธานี สังเกตได้จากที่ หลายๆคนลงทุนไปเรียนแบบจริงจัง ในขณะที่อีกหลายๆคนเล่นไม่เป็นแต่อยากมีไว้สะพายเป็นเครื่องประดับ และที่สำคัญที่จะไม่ให้ขายดีได้อย่างไรละครับ ในเมื่อผมเป็นมนุษย์คนเดียวที่เอาเครื่องดนตรีไปขายตามตลาดนัดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดือนแรกขายไม่ค่อยได้ อันนี้มันเรื่องปกติ เพราะสินค้าราคามันสูง แต่เดื่อนต่อๆมาเท่านั้นแหละครับ ลูกค้าที่เคยเห็นเราขายในตลาดนัด พอรู้ว่าราคาถูกกว่าร้านที่ขายทั่วไป ก็ตามมาซื้อจนสั่งมาขายกันไม่ทัน
และจะว่าไปสิงที่ยกาที่สุดคือการผ่านช่วงเดือนแรกของการขาย ผมท้อแท้มาก เพราะพ่อค้าแม่ค้าเค้าชอบมาพูดกับผมว่า น่าจะขายไม่ได้หรอก ส่วนเหตุผลที่เค้าคิดว่าขายไม่ได้เพราะว่า "เป็นสินค้าราคาสูงที่สุดที่ขายในตลาดนัด" "ราคาแพงเกิน" "ตลาดนัดต้องขายแต่ของราคาถูก" "ไม่เคยเห็นใครเอาของแบบนี้มาขาย"
เหตุผลที่ผมรอได้เกือบเดือนเพราะผมทำการบ้านครับ ทุกร้านในจังหวัดนี้ผมสืบราคาหมด แถมยังแอบถามพนักงานขายด้วยว่า เมื่อวานขายดีป่าว วันนี้ขายได้กี่ตัว กระแสแรงแค่ไหน ลายไหนขายดี กระเป๋าแบบไหนวัยรุ่นชอบ บลา ๆ ๆ ๆ ๆ ไอที่ฮิตติดลมบน สั่งมาแบบเต็มอัตราศึก ในเมื่อทุกวันที่ผมนั่งขายของในตลาดนัด ผู้คนก็ยังคงหาซื้ออูคูเลเล่ตามร้านต่างๆ ที่ไม่ใช่ร้านผม และเหตุผลเดียวที่เค้าไม่มาซื้ออูคูเลเล่ที่ราคาถูกและคุ้มค่า เพราะว่าเค้าไม่รู้ว่ามันมีอยู่ในตลาดนัดไง ความอดทนรอเวลาที่คนเห็นเรามากพอและเริ่มรู้จักเราจึงเป็นสิิ่งจำเป็น
กลยุทธ์สุดท้ายที่เป็นไพ่เด็ดคือ ขายราคาเท่าร้านทั่วไป แต่เน้นของแถมเช่นกระเป๋า ขาตั้ง หรือพวกอะไรเล็กๆน้อยๆ แถมจูนเสียงให้และเปลี่ยนสายให้อีกต่างหาก พอมาย้อนคิดดูแล้วมันก็สนุกดีนะ เหมือนรำลึกการออกรบทำสงครามทางธุรกิจยังไงยังงั้น 5555
..................................
จนตอนนี้ที่นั่งเขียนบล๊อคอยู่ก็ยังไม่รู้ว่าจะขายอะไรดี แต่ผมรู้ว่าจะต้องเริ่มอย่างไรครับ หากผมมานั่งทบทวนอดีตที่เคยเกิดขึ้นจุดเริ่มต้นมันมาจากการนั่งคุยกันกับใครๆ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาเจอกับคนที่ถูกต้อง คนที่พร้อมจะมอบโอกาสให้คุณได้เติมเต็มในสิ่งที่เค้าทำไม่ได้ ส่วนคุณก็แค่รับมันไว้และเรียนรู้สิ่งใหม่ครับหลังจากนั้นลุย !!!!!
งั้นตั้งแต่พรุ่งนี้ ผมคงต้อง .......
พูดคุย พูดคุย พูดคุย พูดคุย พูดคุย พูดคุยพูดคุยพูดคุยพูดคุยพูดคุยพูดคุยพูดคุยพูดคุยพูดคุยพูดคุยพูดคุยพูดคุยพูดคุยพูดคุย
เดี่ยวโอกาสมันจะมาแบบโปรโมชั่นครับ .... เผลอๆ เราอจจะไม่ต้องออกทุนเองซักบาทเดียว เสียด้วยซ้ำ ถ้าสามารถเติมเต็มและตอบโจทย์สร้างความสมดุลให้กันและกันได้
ขอตัวไปพูดคุยคุยก่อนนะ
ปล. วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ทุนหนา แต่มันเหมาะอย่างมากกับคนที่ไม่มีทุนอย่างผม เพราะพาไปติดดอยตลาดหุ้นหมดแล้ว 555